Translate

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทางเลือกสำหรับนักตัดต่อมือใหม่



                โปรแกรม Final Cut Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่นิยมใช้กันในกลุ่มนักตัดต่ออีกโปรแกรมหนึ่ง ซึ่งตัวโปรแกรมมีความสามารถมากมาย โดยส่วนมากแล้วโปรแกรมตัวนี้นั้นจะนิยมใช้กันในระบบสตูดิโอใหญ่ อีกทั้งโปรแกรมตัวนี้ยังเป็นที่นิยมของนักตัดต่อภาพยนตร์มืออาชีพระดับฮอลลีวูดอีกด้วย เรามาดูหน้าตาของเจ้าโปรแกรมตัวนี้กันเลยดีกว่า


ข้อดีของโปรแกรม Final Cut Pro

1.ตั้งโปรเจคในการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็สามารถเข้าไปแก้ไขเองได้

2.แบคกราวน์เรนเดอร์มันจะเรนเดอร์อัตโนมัติระหว่างที่เราทำงานอยู่ 

3.สามารถรวมงานให้เป็นก้อนเดียวกันได้ เพื่อความสะดวกในการย้าย

4.สามารถก๊อปปี้ข้ามโปรเจคท์ได้

5.โปรแกรมจะมีระบบซิงค์เสียงกับภาพของเราโดยการจับเวฟอัตโนมัติทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานไปได้มาก

6.การแก้สีและงานเสียงมีประสิทธิภาพสูงงานสีเสียงโปรแกรมตัวนี้จัดการมาให้ดีมาก แทบจะจบในตัวโปรแกรมได้เลย

7.เอ็กซ์พอร์ตเร็วมาก




ข้อเสียของโปรแกรม Final Cut Pro

1.ตัวโปแกรมมีราคาแพงจึงอาจเป็นปัญหาสำหรับนักเรียนนักศึกษา

2.ตัวโปรแกรมมีเฉพาะในระบบปฎิบัติการ OS เท่านั้น





โปรแกรม Adobe Premiere Pro  เป็นโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่นิยมใช้กันในกลุ่มนักตัดต่ออีกหนึ่งโปรแกรมเช่นกัน จัดว่าเป็นคู่แข่งกับ Final Cut Pro เลยก็ว่าได้  ซึ่งตัวโปรแกรมก็มีความสามารถในการตัดต่อมากมาย โดยส่วนมากแล้วโปรแกรมตัวนี้จะเป็นที่นิยมใช้กันในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเป็นส่วนใหญ่เพราะตัวโปรแกรมจะมีราคาค่อนข้างถูกกว่า Final Cut Pro และการใช้งานภายในโปรแกรมก็จะง่ายกว่าเจ้า Final Cut Pro  ทีนี้เราก็มาดูหน้าตาของเจ้าโปรแกรมตัวนี้กันเลย




ข้อดีของโปรแกรม Adobe Premiere Pro

1.ตัวโปรแกรมใช้งานง่าย

2.การแก้สี แก้เสียงสามารถทำได้ง่าย

3.ตัวโปรแกรมสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมตระกูล Adobe ด้วยกันได้ดี

4.ตัวโปรแกรมมีทั้งในระบบปฎิบัติการ OS และ Windows

5.ตัวโปรแกรมมีราคาถูก 

ข้อเสียของโปรแกรม Adobe Premiere Pro

1 การเรนเดอร์อาจจะทำได้ช้าถ้าสเปคของคอมพิวเตอร์ไม่แรงพอ
2 ต้องปล่อยให้วีดีโอทำการเรนเดอร์ก่อน ไม่อย่างนั้นเวลาดูเพลย์          แบ็ควีดีโออาจกระตุกได้
3 ไม่เป็นที่นิยมใช้กันในการตัดต่อระดับมืออาชีพ






สรุปความแตกต่างของทั้งสองโปรแกรม
      จริงๆแล้วที่ผมหยิบมาพูดแค่สองโปรแกรมนั้นเพราะเจ้าโปรแกรมสองตัวนี้สามารถใช้งานง่ายและนิยมใช้กันมากในปัจจุบันซึ่งความแตกต่างของทั้งสองโปรแกรมนั้น มันขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้และรูปแบบของงานมากกว่าทั้งสองโปรแกรมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งสองโปรแกรมอาจมีความสามารถใช้เป็นโปรแกรมตัดต่อเหมือนกัน แต่จะมีบางจุดเท่านั้นที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ของตัวผู้ใช้เอง และอีกอย่างที่เป็นตัวแปรสำคัญก็คือ ราคา อันนี้ถ้าจะให้ผมแนะนำผมว่าหาคอมพิวเตอร์สเปคแรงๆซักตัวที่สามารถรองรับทั้งสองโปรแกรมได้ จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพเต็มที่และงานก็จะออกมาอย่างมีคุณภาพ

อย่างนั้นเราไปดูคลิปการสัมภาษณ์จากผู้ที่ใช้งานโปรแกรมจริงๆ กันดีกว่าครับ

สุดท้ายแล้วใครจะเลือกใช้โปรแกรมไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและเหมาะสมกับงานที่แต่ละคนต้องการจะทำ หากใครคิดจะเริ่มและมัวลังเล ก็เลือกมาซักโปรแกรมนึงแล้วลองทำ ฝึกใช้งานมันให้เชี่ยวชาญ แล้วคุณก็จะได้โปรแกรมดีๆไว้คู่ใจเวลาทำงาน


อ้างอิง  http://www.oknation.net/blog/Discussonline/2012/12/12/entry-1
            www.nkpw.ac.th/pornsak/com54/32242/PremierePro1.pdf
            http://www.thaidfilm.com/simple/?t8905.html


วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หัวข้อ : ทางเลือกสำหรับนักตัดต่อมือใหม่ 
เหตุผล : เหตุผลที่ผมเลือกหัวข้อนี้เพราะ มีนักตัดต่อมือใหม่หลายคนที่ยังอยากมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น หลายคนยังสับสน ยังลังเลว่าควรจะตัดต่อแบบไหนดี ใช้โปรแกรมตัดต่ออะไรดี กระบวนการต่างๆเริ่มอย่างไรและจบอย่างไร จึงจะเรียกว่าเสร็จสมบูรณ์
ข้อมูลที่จะมีในบล็อค : 1.ในบล็อคของผมจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการตัดต่อตั้งแต่เริ่มต้น 
                                    2. ความแตกต่างของโปรแกรมตัดต่อที่นักตัดต่อนิยมใช้กัน
                                    3. แนวคิด ความคิดเห็นและวิธีการทำงานของนักตัดต่อ
แผนการทำงาน : วันที่ 12-17 ก.ค. หาข้อมูลและรวบรวมข้อมูล
                            วันที่ 18 ก.ค. นัดสัมภาษณ์อาจารย์ที่ทำงานในด้านตัดต่อ
                            วันที่ 19-20 ก.ค.  ทำบล็อค
                            วันที่ 21-25 ก.ค. ตรวจสอบ+แก้ไข  พร้อมส่ง